ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด
รายงานการสำรวจธุรกิจเอเชียประจำปี 2557 ซึ่งจัดทำโดยกลุ่มธนาคารยูโอบี เปิดเผยว่าประเทศเมียนมาเป็นหนึ่งในเป้าหมายการลงทุนลำดับต้นๆของธุรกิจเอเชีย โดยหนึ่งในสี่ของบริษัทที่ร่วมการสำรวจมีแผนขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ที่กำลังเติบโตได้ดีแห่งนี้ ประเทศเมียนมากำลังเป็นเป้าหมายการลงทุนระยะยาวของธุรกิจที่ต้องการแสวงหาโอกาสจากการขยายตัวของการบริโภคที่เร่งขึ้นตามการเติบโตของเมืองจากประชากรจำนวน 60 ล้านคน McKinsey Global Institute ประมาณการว่าประเทศเมียนมาจะมีความต้องการลงทุนในสาธารณูปโภคพื้นฐานอีก 320 ล้านเหรียญ สรอ. เพื่อให้พอรองรับธุรกิจที่กำลังขยายตัว รายงานระบุว่าธุรกิจฮ่องกง 1 ใน 3 แห่ง (31 เปอร์เซ็นต์ ) มีแผนขยายกิจการสู่เมียนมาในปี 2558 ตามมาด้วยประเทศไทย ( 28 เปอร์เซ็นต์) จีน ( 26 เปอร์เซ็นต์ ) มาเลเซีย ( 25 เปอร์เซ็นต์) และสิงคโปร์ (21 เปอร์เซ็นต์ ) การสำรวจที่เจาะจงประเทศไทยเปิดเผยว่า ภาคธุรกิจที่มีความสนใจลงทุนในประเทศเมียนมาลำดับต้นๆได้แก่ ยานยนต์ ( 45 เปอร์เซ็นต์) โลจิสติกส์ (44 เปอร์เซ็นต์) การผลิต (20 เปอร์เซ็นต์) และบริการ (15 เปอร์เซ็นต์) นาย เอียน หว่อง กรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารกลยุทธ์องค์กรและการตลาดต่างประเทศ กลุ่มธนาคารยูโอบี กล่าวว่ากลุ่มธนาคารยูโอบีมุ่งมั่นในการสนับสนุนลูกค้าให้ลงทุนในภาคธุรกิจที่เอื้อต่อการขยายตัวอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจเมียนมา “ประเทศเมียนมาต้องการการลงทุนในภาคการขนส่ง พลังงาน และการสื่อสาร เพื่อสร้างพื้นฐานระยะยาวรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจ ธุรกิจที่มีความถนัดในสาขาเหล่านี้มีโอกาสที่จะได้ร่วมพลิกโฉมเศรษฐกิจของประเทศเมียนมาผ่านการลงทุนในระยะเริ่มแรกของการปฏิรูปเศรษฐกิจเมียนมา เรามุ่งมั่นให้การสนับสนุนบริษัทที่มีแผนธุรกิจเช่นนี้” นายหว่องกล่าว การลงทุนเพื่อตอบรับความต้องการสาธารณูปโภคพื้นฐานในเมียนมาจะช่วยสร้างโอกาสใหม่ให้กับธุรกิจในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เทคโนโลยีสื่อสาร และโลจิสติกส์ รายงานการสำรวจธุรกิจเอเชียประจำปี 2557 ของธนาคารยูโอบีระบุว่า กลุ่มธุรกิจยานยนต์ ( 44 เปอร์เซ็นต์ ) อาหารและเครื่องดื่ม ( 39 เปอร์เซ็นต์ ) การขนส่งทางเรือ ( 33 เปอร์เซ็นต์) และโลจิสติกส์ ( 30เปอร์เซ็นต์) อยู่ในอันดับต้นๆที่มีความสนใจขยายธุรกิจสู่เมียนมาเพื่อร่วมขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจเมียนมาพัฒนาต่อไป การเปิดเสรีทางการเงินช่วยดึงดูดการลงทุนโดยตรงสู่เมียนมา อีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของการลงทุนโดยตรงสู่เมียนมาคือการเปิดเสรีภาคการธนาคาร การให้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารแก่ธนาคารต่างชาติ 9 แห่งจากทางการในปีที่ผ่านมาจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของธุรกิจในประเทศเมียนมา ซึ่งธนาคารยูโอบีเป็นหนึ่งในธนาคารต่างชาติที่ได้รับใบอนุญาต การเปิดเสรีภาคการเงินของเมียนมาเป็นหัวข้อที่ได้รับการหยิบยกเพื่ออภิปรายเร็วๆนี้ใน ASEAN-Myanmar Forum ซึ่งจัดโดย Singapore Institute of International Affairs, the Union of Myanmar Federation of Chambers of Commerce และ Industry and International Enterprise of Singapore ซึ่งลูกค้าของธนาคารยูโอบีในภูมิภาคได้เข้ารับฟังด้วยเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจในประเทศเมียนมา นายเอียน หว่อง กล่าวในเวทีนี้ว่าลูกค้าของธนาคารยูโอบีมีความสนใจการลงทุนในเมียนมาอย่างมาก “การเปิดสาขาในของธนาคารยูโอบีที่ย่างกุ้งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เป็นโอกาสให้เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารกลาง และธนาคารพาณิชย์ของเมียนมามากขึ้นในการให้บริการและคำปรึกษาทางการเงินแก่ลูกค้าทั้งในประเทศและข้ามพรมแดนเพื่อการลงทุนและขยายธุรกิจในเมียนมา” นายเอียน หว่อง กล่าวว่าธุรกิจที่ต้องการขยายธุรกิจสู่ประเทศเมียนมาสามารถใช้บริการของหน่วยงานให้คำปรึกษาการลงทุนระหว่างประเทศของธนาคารยูโอบีซึ่งเป็นจุดแข็งในด้านนี้เพื่อเข้าถึงการบริการทางการเงินสำหรับธุรกิจและเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมในภูมิภาคเอเชียของธนาคาร ธนาคารยูโอบีเป็นธนาคารเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เปิดหน่วยงานให้คำปรึกษาการลงทุนระหว่างประเทศ 9 แห่งในภูมิภาคด้วยเป้าหมายให้ธุรกิจเอเชียที่มีความมุ่งมั่นขยายธุรกิจข้ามพรมแดนประสบความสำเร็จ
วันที่ 31 มีนาคม 2558 |