ขณะนี้คุณกำลังอ่าน:
SME ก็ลดคาร์บอนได้ แนวทางเพิ่มกำไรและลดต้นทุนแฝง
คุณกำลังอยู่ที่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ


ขณะนี้คุณกำลังอ่าน:
SME ก็ลดคาร์บอนได้ แนวทางเพิ่มกำไรและลดต้นทุนแฝง
ในยุคที่โลกเผชิญกับภาวะโลกร้อนและภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การดำเนินธุรกิจโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอาจกลายเป็นความเสี่ยงที่ธุรกิจ SME ไม่ควรมองข้ามอีกต่อไป โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการผลิต การขนส่ง และบริการ ที่มีการปล่อยคาร์บอนจำนวนมาก การวางแผนลดคาร์บอนอย่างเป็นระบบ ไม่เพียงแต่ช่วยโลก แต่ยังช่วยลดต้นทุนแฝง เพิ่มกำไรธุรกิจ และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจ SME ได้อย่างคาดไม่ถึง
หลายคนอาจคิดว่า “คาร์บอน (Carbon)” เป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง คาร์บอน คือ หนึ่งในต้นทุนแฝงที่ธุรกิจต้องแบกรับ โดยเฉพาะเมื่อแนวโน้มของโลกกำลังมุ่งสู่การกำหนด “ภาษีคาร์บอน” หรือ “Carbon Tariff” ที่คิดจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น สหภาพยุโรปเตรียมบังคับใช้ภาษีคาร์บอนในปี 2569 ซึ่งจะส่งผลต่อธุรกิจที่ส่งออกสินค้าไปยังประเทศในกลุ่มนี้ หากไม่มีมาตรการลดคาร์บอนอย่างชัดเจน ก็อาจต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
การวัด “คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint)” คือ จุดเริ่มต้นที่สำคัญ ธุรกิจ SME สามารถเริ่มจากการเก็บข้อมูลการใช้พลังงาน เช่น ไฟฟ้า น้ำมัน การขนส่ง และการจัดการขยะ เพื่อประเมินว่าธุรกิจปล่อยคาร์บอนจากจุดใดมากที่สุด
รู้หรือไม่ ภาครัฐมีหน่วยงานบริการให้คำปรึกษาและเครื่องมือช่วยประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นส์ เช่น Carbon Footprint for Organisation (CFO) ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถนำหลักการและข้อกำหนดไปใช้ในการวัดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นส์ และเข้าใจจุดที่ควรปรับปรุงได้แม่นยำยิ่งขึ้น
เมื่อรู้จุดที่ปล่อยคาร์บอนมากที่สุด ก็สามารถวางแผนลดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น
การลดคาร์บอนอย่างยั่งยืนไม่ใช่แค่การลงมือทำ แต่ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนและการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
การลดคาร์บอนไม่ใช่แค่เรื่องของสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจ SME สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เช่น ไฟฟ้า น้ำมัน และวัสดุสิ้นเปลือง ผ่านการปรับเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีที่ประหยัดพลังงาน หรือพลังงานหมุนเวียน นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนแฝงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ภาษีคาร์บอน หรือค่าปรับจากการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม
ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น ธุรกิจที่มีแนวทางลดคาร์บอนอย่างชัดเจนจะได้รับความสนใจจากลูกค้า คู่ค้า และองค์กรระดับสากล โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศที่มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมสูง การมีนโยบายลดคาร์บอนจึงเป็นจุดขายที่ช่วยสร้างความแตกต่าง และเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นักลงทุนและสถาบันการเงินในปัจจุบันให้การสนับสนุนธุรกิจที่ดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะธุรกิจที่มีเป้าหมายด้าน Carbon Neutrality หรือ Net Zero อย่างชัดเจน การมีแผนลดการปล่อยคาร์บอนที่เป็นรูปธรรมไม่เพียงช่วยเสริมความน่าเชื่อถือ แต่ยังเปิดโอกาสให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่สนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อม เช่น Green Loan หรือ ESG Investment ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ในยุคที่ผู้บริโภคและสังคมให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อโลก การดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ทันสมัย และน่าเชื่อถือให้กับองค์กร SME ไม่ว่าจะเป็นในสายตาลูกค้า พนักงาน หรือพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวและความภักดีต่อแบรนด์
นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของภาครัฐมีแนวโน้มเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ เช่น การจัดเก็บภาษีคาร์บอน หรือข้อกำหนดด้านการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ธุรกิจ SME ที่เตรียมตัวตั้งแต่วันนี้จะสามารถปรับตัวได้ทัน ลดความเสี่ยงจากการถูกปรับหรือเสียโอกาสทางธุรกิจ และยังสามารถใช้การปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้เป็นจุดแข็งในการแข่งขันได้อีกด้วย

การลดคาร์บอนในองค์กรไม่จำเป็นต้องเริ่มจากการลงทุนขนาดใหญ่เสมอไป ปัจจุบันมีเครื่องมือและระบบที่ช่วยให้ธุรกิจ SME สามารถบริหารจัดการพลังงานและลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่กระทบต่อการดำเนินงานหลักของธุรกิจ
• ระบบจัดการพลังงาน (EMS) ตรวจวัดและวิเคราะห์การใช้พลังงานแบบเรียลไทม์ (Real-Time) จากทุกกระบวนการ ช่วยลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นและควบคุมต้นทุนได้อย่างแม่นยำ
• ระบบวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์อัตโนมัติ แพลตฟอร์ม Acamp ร่วมกับ ZCARBON คำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ตามมาตรฐานสากล พร้อมรายงานผลแบบเรียลไทม์ (Real-Time) ผ่านคลาวด์ (Cloud)
• ระบบบัญชีสิ่งแวดล้อม แสดงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในรูปแบบตัวเลขและภาพรวม ช่วยให้ผู้บริหารวางแผนลดคาร์บอนได้ตรงจุด
• ซอฟต์แวร์วิเคราะห์คาร์บอนจากการขนส่ง (TMS) วิเคราะห์การปล่อยคาร์บอนจากการขนส่ง พร้อมแนะนำเส้นทางที่ประหยัดพลังงาน โดยใช้ IoT (Internet of Things) และ AI (Artificial Intelligence)
• ระบบอัตโนมัติ (Automation) ใช้ระบบอัตโนมัติแทนแรงงานบางส่วน เพิ่มความแม่นยำ ลดพลังงานส่วนเกิน และช่วยลดคาร์บอนในระยะยาว
ปัจจุบันแนวทางการลดคาร์บอนในเชิงธุรกิจ ไม่ใช่แค่เพียงการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและโลกของเราเท่านั้น แต่ยังถือเป็นการช่วยลดต้นทุน บริหารความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้อย่างคาดไม่ถึง การลดคาร์บอนจึงได้กลายมาเป็นเป้าหมายที่สำคัญของภาคธุรกิจทั้งในไทย และสากลโลกอย่างกว้างขวาง
การลดคาร์บอนไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ธุรกิจ SME สามารถเริ่มต้นได้ทันทีจากสิ่งเล็กๆ ที่ทำได้จริง เช่น การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ การวางแผนการใช้พลังงาน หรือการสื่อสารภายในองค์กร และค่อยๆ ขยายผลไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในระยะยาว เพราะการใส่ใจสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงแต่ช่วยโลก แต่ยังช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง สร้างกำไรธุรกิจ และลดต้นทุนแฝงได้อย่างแท้จริง
ธนาคารยูโอบี ในฐานะธนาคารชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย เราเชื่อเสมอว่าเรามีหน้าที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและภูมิภาคในระยะยาว สำหรับผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจที่สนใจและกำลังต้องการเปลี่ยนผ่านองค์กรเข้าสู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามแนวคิด ESG สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ แนวทางด้านความยั่งยืนของธนาคารยูโอบี และสามารถทำแบบประเมินออนไลน์ UOB Sustainability Compass เพื่อประเมินระดับความพร้อมของธุรกิจของคุณในการดำเนินการเพื่อสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนได้จากเว็บไซต์ของเรา
ข้อมูลอ้างอิง