ขณะนี้คุณกำลังอ่าน:
ธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ขอสินเชื่อได้ไหม
คุณกำลังอยู่ที่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ


ขณะนี้คุณกำลังอ่าน:
ธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ขอสินเชื่อได้ไหม
ในยุคที่เศรษฐกิจมีความผันผวนและการแข่งขันทางธุรกิจมีความรุนแรงมากขึ้น ผู้ประกอบการ SME ต้องบริหารจัดการด้านการเงินอย่างชาญฉลาด เพื่อรักษาสภาพคล่องและเตรียมพร้อมรับมือกับโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้อย่างทันท่วงที หนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจและตอบโจทย์ผู้ประกอบการยุคใหม่ คือ การขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจ โดยเฉพาะสินเชื่อไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งช่วยลดข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สินเชื่อไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน คือ เงินกู้ที่ไม่ต้องนำทรัพย์สิน เช่น สถานประกอบการ บ้าน ที่ดิน หรือรถยนต์มาเป็นหลักประกัน เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ หรือยังไม่มีทรัพย์สินถาวรเป็นของตนเอง ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างสินเชื่อที่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และสินเชื่อที่ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันมีหลายด้าน ทั้งในเรื่องของวงเงิน ดอกเบี้ย ระยะเวลาอนุมัติ และความเสี่ยงที่ผู้กู้ต้องรับผิดชอบ ซึ่งสามารถสรุปได้ดังตารางต่อไปนี้
| การเปรียบเทียบ | สินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน | สินเชื่อแบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน |
|---|---|---|
| หลักประกัน | ต้องใช้ เช่น ที่ดิน อาคาร หรือทรัพย์สินอื่น | ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน |
| วงเงินสินเชื่อ | มักได้วงเงินสูงกว่าตามมูลค่าหลักประกัน | วงเงินจำกัดตามรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ |
| อัตราดอกเบี้ย | มักต่ำกว่า เพราะมีความเสี่ยงน้อยกว่า | มักสูงกว่า เนื่องจากไม่มีหลักประกัน |
| ระยะเวลาอนุมัติ | อาจใช้เวลานาน เนื่องจากต้องประเมินหลักทรัพย์ | อนุมัติเร็วกว่า เพราะไม่ต้องตรวจสอบทรัพย์สิน |
| ความยืดหยุ่นในการเข้าถึง | จำกัดเฉพาะผู้ที่มีทรัพย์สินค้ำประกัน | เข้าถึงง่ายกว่า เหมาะสำหรับ SME ที่ไม่มีทรัพย์สินมาก |
| ความเสี่ยงกรณีผิดนัดชำระ | อาจถูกยึดหลักทรัพย์ตามสัญญา | ไม่มีการยึดทรัพย์ แต่ส่งผลต่อเครดิตและโอกาสขอสินเชื่อในอนาคต |
| เหมาะสำหรับ | การลงทุนระยะยาว เช่น ซื้อที่ดินหรือเครื่องจักร | เสริมสภาพคล่อง หมุนเวียนเงินสด หรือใช้ในระยะสั้น |

สำหรับผู้ประกอบการ SME การเข้าถึงแหล่งเงินทุนถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต แต่ในความเป็นจริงผู้ประกอบการบางรายอาจจะยังไม่มีทรัพย์สินถาวร เช่น สถานประกอบการ บ้าน ที่ดิน หรือรถยนต์ ที่สามารถนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเมื่อต้องการขอสินเชื่อ ด้วยเหตุนี้สินเชื่อไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน จึงกลายเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่ด้วยเหตุผลหลักๆ ดังนี้
ผู้ประกอบการรายย่อยหรือธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น มักไม่มีทรัพย์สินถาวร การขอสินเชื่อแบบไม่ใช้หลักทรัพย์ช่วยให้เข้าถึงเงินทุนได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องผ่านขั้นตอนประเมินทรัพย์สินที่ซับซ้อน และสามารถดำเนินการได้รวดเร็วทันต่อความต้องการ
การนำทรัพย์สินส่วนตัวมาเป็นหลักประกันอาจสร้างความกังวลใจ โดยเฉพาะในช่วงที่ธุรกิจยังไม่มั่นคง สินเชื่อแบบไม่มีหลักทรัพย์ช่วยให้ผู้ประกอบการตัดสินใจขอสินเชื่อได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
หากเกิดเหตุสุดวิสัย เช่น เศรษฐกิจผันผวนหรือรายได้ลดลง การผิดนัดชำระในสินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์อาจนำไปสู่การถูกยึดทรัพย์ แต่สินเชื่อแบบไม่มีหลักทรัพย์จะไม่ส่งผลต่อทรัพย์สินส่วนตัวโดยตรง
ธุรกิจ SME โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น มักเผชิญกับความจำเป็นในการใช้เงินทุนระยะสั้น ไม่ว่าจะเป็นการสต๊อกสินค้าในช่วงฤดูกาลขายดี การจ่ายค่าแรงล่วงหน้า หรือการปรับปรุงร้านเพื่อรองรับลูกค้า สินเชื่อแบบไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดหาเงินทุนได้เร็วและคล่องตัวมากกว่า
ผู้ประกอบการควรมีพื้นฐานด้านการเงิน และเข้าใจหลักการวางแผนทางการเงินอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้แหล่งเงินทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด หนึ่งในจุดเริ่มต้นที่สำคัญ คือ การทำความเข้าใจประเด็นทางการเงินต่อไปนี้
ก่อนขอสินเชื่อ SME ที่ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ผู้ประกอบการควรเข้าใจต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่
การแยกต้นทุนทั้งสองประเภทนี้อย่างชัดเจนจะช่วยให้ผู้ประกอบการประเมินความสามารถในการทำกำไร และวางแผนการใช้เงินทุนได้อย่างแม่นยำ
การเข้าใจต้นทุนของเงินกู้จะช่วยให้ผู้ประกอบการเลือกแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมกับธุรกิจ และลดความเสี่ยงจากภาระหนี้ในอนาคต
การเลือกประเภทของสินเชื่อเพื่อธุรกิจให้ตรงกับวัตถุประสงค์จะช่วยลดต้นทุนทางการเงิน และหลีกเลี่ยงภาระอื่นๆ ที่ไม่จำเป็น เช่น ค่าธรรมเนียมแฝงโดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็น
การเลือกประเภทสินเชื่อที่เหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจใช้เงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงจากภาระหนี้ในอนาคต โดยเฉพาะในกรณีของสินเชื่อ SME ที่ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ที่มักมีเงื่อนไขแตกต่างจากสินเชื่อทั่วไป
แม้อัตราดอกเบี้ยจะเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเลือกสินเชื่อ แต่การพิจารณาอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี หรือ APR (Annual Percentage Rate) จะช่วยให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนกว่า เนื่องจาก APR เป็นตัวเลขที่แสดงต้นทุนรวมของการกู้ยืมเงินในรอบหนึ่งปี โดยรวมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อ เช่น ค่าดำเนินการ ค่าธรรมเนียมรายปี หรือค่าประเมิน การเปรียบเทียบ APR จากผู้ให้บริการสินเชื่อหลายรายจะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจต้นทุนที่แท้จริงของเงินกู้ และสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบมากขึ้น
UOB BizMoney สินเชื่อสำหรับธุรกิจ SME ที่ต้องการเงินทุนเพื่อเสริมสภาพคล่องหรือขยายกิจการ ตัวช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายกว่า ให้บริการทั้งบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย และนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย
เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ โดยไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากการนำทรัพย์สินส่วนตัวมาใช้ค้ำประกัน สินเชื่อธุรกิจแบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและยืดหยุ่น เนื่องจากช่วยให้เข้าถึงเงินทุนได้ง่ายขึ้น และสามารถใช้เงินทุนเพื่อบริหารหรือต่อยอดธุรกิจได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้การเข้าใจประเภทของสินเชื่อที่เหมาะกับวัตถุประสงค์ ต้นทุนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถตัดสินใจขอสินเชื่อได้อย่างมั่นใจ
ข้อมูลอ้างอิง