ขณะนี้คุณกำลังอ่าน:
เคล็ดลับเพิ่มสภาพคล่องธุรกิจซื้อมาขายไป ด้วยสินเชื่อหมุนเวียน
คุณกำลังอยู่ที่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ


ขณะนี้คุณกำลังอ่าน:
เคล็ดลับเพิ่มสภาพคล่องธุรกิจซื้อมาขายไป ด้วยสินเชื่อหมุนเวียน
ในแวดวงธุรกิจ สภาพคล่องทางการเงิน ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สะท้อนถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ หากสามารถบริหารจัดการได้ดี จะช่วยให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลง และพร้อมขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมั่นคง แม้ผู้ประกอบการหลายรายจะตระหนักถึงความสำคัญของสภาพคล่อง แต่ยังอาจขาดแนวทางที่ชัดเจนในการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ บทความนี้จึงขอพาผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจซื้อมาขายไป (Trading Business) มาทำความเข้าใจถึงหลักการบริหารสภาพคล่อง พร้อมแนะนำทางเลือกด้านสินเชื่อที่สามารถช่วยเสริมเงินทุนหมุนเวียน เพิ่มความคล่องตัว และสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว
สภาพคล่องทางการเงิน (Liquidity) คือ ความสามารถของธุรกิจในการเปลี่ยนทรัพย์สินหรือรายรับให้กลายเป็นเงินสดได้ทันเวลา เพื่อใช้ในการดำเนินงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินเดือน ซื้อวัตถุดิบ หรือชำระหนี้ การบริหารสภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง และมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง สำหรับธุรกิจประเภทซื้อมาขายไป ซึ่งมีการหมุนเวียนเงินทุนอยู่ตลอดเวลา การเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อสภาพคล่องและการวางแผนรับมืออย่างเหมาะสม จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจทั้งในด้านการผลิต การจัดซื้อ และการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างมั่นใจ ปัจจัยที่มักส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจ ได้แก่
การชำระเงินล่าช้าจากลูกค้า เป็นหนึ่งในปัจจัยที่อาจส่งผลต่อกระแสเงินสดของธุรกิจ โดยเฉพาะเมื่อรายรับที่ควรเข้ามาในรอบถัดไปถูกเลื่อนออกไป อาจทำให้ธุรกิจมีเงินสดไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายประจำ เช่น เงินเดือนพนักงาน หรือการจัดซื้อวัตถุดิบเพิ่มเติม
ยอดขายหรือจำนวนออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นถือเป็นสัญญาณที่ดีของการเติบโต แต่ในทางกลับกันก็อาจมาพร้อมกับความท้าทายด้านเงินทุน โดยเฉพาะเมื่อธุรกิจต้องรองรับต้นทุนที่สูงขึ้น เช่น ค่าสินค้า ค่าแรง หรือค่าขนส่ง สำหรับธุรกิจซื้อมาขายไป การไม่มีเงินทุนเพียงพอในการจัดซื้อสินค้าตามคำสั่งซื้อ อาจทำให้การส่งมอบล่าช้า และพลาดโอกาสในการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า หากไม่มีการวางแผนด้านการเงินที่เหมาะสม การเติบโตที่ควรเป็นโอกาสอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันได้
สำหรับธุรกิจ SME ที่เริ่มต้นจากเงินทุนของเจ้าของกิจการเองถือเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย และสะท้อนถึงความตั้งใจในการสร้างธุรกิจอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการวางแผนทางการเงินที่ชัดเจน เช่น การจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย หรือการเตรียมเงินสำรองไว้รองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน อาจทำให้ธุรกิจขาดความคล่องตัวในการดำเนินงาน โดยเฉพาะเมื่อมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น หรือรายรับเข้ามาล่าช้า การพึ่งพาแหล่งทุนเดียวอาจไม่เพียงพอในระยะยาว
การบริหารสภาพคล่องทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ คือ หัวใจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวนหรือรายได้ไม่แน่นอน สำหรับผู้ประกอบการ SME โดยเฉพาะธุรกิจแบบซื้อมาขายไป การมองเห็นปัญหาด้านสภาพคล่องตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้สามารถวางแผนรับมือได้อย่างเหมาะสม และลดความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อธุรกิจในระยะยาว
เมื่อธุรกิจเริ่มเจรจาขอเลื่อนการชำระเงินกับเจ้าหนี้บ่อยครั้ง นั่นอาจสะท้อนถึงปัญหาการหมุนเงินที่เริ่มตึงตัว และขาดกระแสเงินสดที่เพียงพอในการจัดการภาระค่าใช้จ่ายตามรอบบัญชีปกติ หากปล่อยให้เกิดขึ้นต่อเนื่องอาจส่งผลให้ธุรกิจเสียความเชื่อมั่นจากคู่ค้า และกระทบต่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจในระยะยาว
การนำรายรับจากรอบใหม่มาใช้จ่ายภาระจากรอบก่อน เป็นสัญญาณว่าธุรกิจกำลังใช้เงินสดแบบรอบต่อรอบ ซึ่งสะท้อนถึงการขาดความมั่นคงด้านสภาพคล่อง และไม่มีเงินทุนหมุนเวียนที่เพียงพอในการรองรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี ธุรกิจอาจเผชิญกับความเสี่ยงในการสะสมภาระทางการเงินที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่สามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากธุรกิจเริ่มปฏิเสธคำสั่งซื้อใหม่ เนื่องจากไม่มีทุนในการผลิตหรือจัดซื้อสินค้า นั่นคือสัญญาณว่ากำลังเผชิญกับปัญหาด้านเงินทุนหมุนเวียนที่เริ่มส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน การขาดความพร้อมด้านเงินทุนอาจทำให้ธุรกิจสูญเสียโอกาสในการขาย สูญเสียลูกค้า และลดความสามารถในการแข่งขันในตลาด
ยอดเงินสดในบัญชีที่ลดลงอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีแนวโน้มฟื้นตัว อาจเกิดจากรายจ่ายที่สูงกว่ารายรับ หรือการใช้จ่ายที่ไม่สอดคล้องกับกระแสเงินสดจริง หากไม่มีการวิเคราะห์และปรับแผนการใช้จ่ายให้เหมาะสม ธุรกิจอาจขาดความสามารถในการรับมือกับเหตุฉุกเฉิน และเสี่ยงต่อการหยุดชะงักการดำเนินงาน
การบริหารสภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจซื้อมาขายไปที่ต้องรับมือกับต้นทุนล่วงหน้าและการหมุนเวียนสินค้าอย่างต่อเนื่อง หากจัดการได้ดี ธุรกิจจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันเวลา และรักษาความมั่นคงทางการเงินได้ในระยะยาว
การวางแผนกระแสเงินสดล่วงหน้าเป็นพื้นฐานสำคัญในการบริหารสภาพคล่องอย่างมืออาชีพ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีรายรับและรายจ่ายหมุนเวียนทุกวัน การจัดทำ Cash Flow Forecast อย่างรอบคอบจะช่วยให้ผู้ประกอบการมองเห็นภาพรวมของสถานะการเงินแบบเรียลไทม์ (Real-Time) รู้ทันช่วงเวลาที่ต้องใช้เงินทุนมากเป็นพิเศษ และสามารถวางแผนรับมือได้อย่างทันท่วงที
การขอขยายระยะเวลาชำระเงินกับซัพพลายเออร์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นด้านสภาพคล่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ธุรกิจต้องใช้เงินทุนมากกว่าปกติ การเจรจาอย่างโปร่งใสและรักษาความสัมพันธ์ที่ดี จะช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารภาระการเงินได้โดยไม่กระทบต่อภาพลักษณ์หรือความน่าเชื่อถือ
การขอวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน เช่น สินเชื่อ SME หรือสินเชื่อระยะสั้นจากธนาคาร เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจซื้อมาขายไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องเร่งจัดซื้อสินค้าเพื่อรองรับคำสั่งซื้อจำนวนมาก การมีแหล่งเงินทุนที่พร้อมใช้งานจะช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้ต่อเนื่อง ตัวอย่างสินเชื่อหมุนเวียนที่ธุรกิจสามารถใช้ได้ ได้แก่
การเลือกใช้สินเชื่อหมุนเวียนที่เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจ จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารสภาพคล่องได้อย่างมั่นใจ พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ทางการเงิน และสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในระยะยาว

UOB BizTrade+ สินเชื่อหมุนเวียนเพื่อการค้าทั้งในและต่างประเทศ วงเงินสูงสุด 12 ล้านบาท โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ผู้ประกอบการสามารถใช้วงเงินสินเชื่อได้หลากหลายวัตถุประสงค์ ทั้งสำหรับธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance) ได้แก่ สินเชื่อเพื่อการนำเข้าและส่งออก สินเชื่อเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน สินเชื่อใบแจ้งหนี้ (Invoice Financing) สินเชื่อใบสั่งซื้อ (PO Financing) รวมถึงสินเชื่อหมุนเวียนทั่วไป ได้แก่ วงเงินเบิกเกินบัญชี (O/D), ตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N), บริการการค้ำประกันกรมศุลกากร (L/G Custom) ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินให้กับธุรกิจซื้อมาขายไปของคุณ
เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
ผู้ประกอบการ SME โดยเฉพาะธุรกิจแบบซื้อมาขายไปสามารถเตรียมความพร้อมก่อนยื่นขอสินเชื่อ โดยดำเนินการตามแนวทางต่อไปนี้
ผู้ขอสินเชื่อควรมีประวัติการดำเนินธุรกิจมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี เพื่อสะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจ และเพิ่มความน่าเชื่อถือในการขอสินเชื่อ โดยเฉพาะหากเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย
การเตรียมเอกสารให้ถูกต้องและครบถ้วนตั้งแต่ต้นจะช่วยให้กระบวนการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปอย่างรวดเร็ว เอกสารที่มักใช้ประกอบการขอสินเชื่อ ได้แก่
เนื่องจาก Trade Finance เป็นสินเชื่อที่สนับสนุนการนำเข้า-ส่งออก ผู้ขอสินเชื่อควรมีเอกสารแสดงการทำธุรกรรม เช่น L/C, Sales Contract, ใบขนสินค้า หรือใบส่งของ เพื่อยืนยันว่าธุรกิจมีการค้าระหว่างประเทศจริง
ธนาคารต้องการเห็นว่าสินเชื่อนั้นจะถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เช่น การจัดซื้อวัตถุดิบ การผลิตเพื่อส่งออก หรือการชำระค่าสินค้านำเข้า รวมถึงแผนการชำระคืนที่สอดคล้องกับกระแสเงินสดของธุรกิจ
การใช้เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ร่วมกับการบริหารการเงินอย่างรอบคอบช่วยสร้างสภาพคล่องที่ดีให้กับธุรกิจ ส่งผลให้ดำเนินงานได้อย่างคล่องตัว มีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอ พร้อมรับมือกับการแข่งขันในตลาด นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง UOB BizTrade+ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนทุกก้าวของความสำเร็จของคุณ
ข้อมูลอ้างอิง