มาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติ (CRS)

มาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติ (Common Reporting Standard: CRS) ถูกพัฒนาขึ้นโดยองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organisation for Economic Co-operation and Development: OECD) และเป็นมาตรฐานการรายงานข้อมูลภาษีระดับสากลสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบอัตโนมัติ (Automatic Exchange of Financial Account Information: AEOI) CRS อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายท้องถิ่นและหน่วยงานจัดเก็บภาษีในท้องถิ่น ซึ่งสำหรับประเทศไทยคือกรมสรรพากร โดยกำหนดให้สถาบันการเงินในประเทศที่เข้าร่วม CRS ต้องรายงานเกี่ยวกับบัญชีที่ลูกค้าของตนซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีของประเทศที่เข้าร่วม CRS ต่อหน่วยงานจัดเก็บภาษีในท้องถิ่น จากนั้นหน่วยงานจัดเก็บภาษีในท้องถิ่นจะแลกเปลี่ยนข้อมูลของลูกค้าดังกล่าวกับประเทศอื่นๆ ที่เข้าร่วม CRS

สามารถอ่านรายละเอียดรายชื่อประเทศที่เข้าร่วมได้ทาง https://www.oecd.org/tax/automatic-exchange/crs-implementation-and-assistance/crs-by-jurisdiction/

เพื่อเป็นการเตรียมการรองรับการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำลังจะประกาศใช้ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ธนาคารได้เริ่มนำขั้นตอนการรับรองสถานะผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีสำหรับลูกค้า ตามหลักเกณฑ์ CRS มาใช้ในการเปิดบัญชี

การรายงานข้อมูลตาม CRS ใช้บังคับกับบัญชีการเงินที่ถือโดยบุคคลที่ต้องรายงานข้อมูล (กล่าวคือ บุคคลซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีในประเทศที่เข้าร่วม CRS และไม่ได้รับยกเว้นจากการรายงานข้อมูลดังกล่าว) ดังนั้น ธนาคารต้องให้ลูกค้าของตนระบุสถานะข้อมูลตาม CRS และประเทศที่ลูกค้าเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีโดยใช้แบบฟอร์มรับรองตนเอง

ภายใต้ข้อกำหนด CRS กรมสรรพากรได้กำหนดให้สถาบันการเงินจัดเก็บและรายงานข้อมูลสถานะทางภาษีของลูกค้า หากมีสถานะเป็นผู้เสียภาษีในประเทศต่างๆ และนำส่งให้กรมสรรพากร

หากบัญชีถูกระบุว่าเป็นบัญชีที่ต้องรายงานตาม CRS ณ สิ้นปีปฏิทิน ข้อมูลที่ต้องรายงานให้กับกรมสรรพากร ได้แก่ ชื่อ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี ต้นเงิน และดอกเบี้ย เป็นต้น

หากคุณเป็นลูกค้าใหม่ของธนาคาร คุณจะต้องกรอกแบบฟอร์มรับรองตนเองตาม CRS ให้ครบถ้วนในขั้นตอนการเปิดบัญชีของคุณเพื่อให้ข้อมูลกับธนาคาร หากคุณเป็นลูกค้าปัจจุบันที่มีบัญชีกับทางธนาคารอยู่แล้ว ธนาคารอาจติดต่อคุณเพื่อตรวจสอบวิเคราะห์สถานะของบัญชีที่เปิดอยู่แล้ว หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในข้อมูลของลูกค้าเดิมหรือมี “เหตุอันควรรู้” ใดๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสถานะตาม CRS ของบัญชี

โปรดทราบว่าคุณอาจได้รับคำขอมากกว่าหนึ่งคำขอสำหรับการรับรองตนเองตาม CRS หากคุณมีความสัมพันธ์หลายรายการกับหลายหน่วยธุรกิจของธนาคาร ดังนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่คุณต้องตอบกลับทุกคำขอ แม้ว่าจะได้ส่งแบบฟอร์มรับรองตามคำขอให้กับหน่วยธุรกิจหน่วยใดหน่วยหนึ่งแล้วก็ตาม

หากไม่มีแบบฟอร์มรับรองตนเองตาม CRS ที่สมบูรณ์ ธนาคารจะไม่สามารถดำเนินการเปิดบัญชีให้ได้ทั้งสำหรับลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิมผู้ต้องการเปิดบัญชีการเงินใหม่ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CRS กรุณาเข้าชมเว็บไซต์ของ OECD ทาง www.oecd.org/tax/automatic-exchange/crs-implementation-and-assistance/ หรือติดต่อที่ปรึกษาภาษีของคุณ

สถาบันการเงินทั้งหมด ซึ่งรวมถึง ธนาคาร ผู้รับประกันภัย สถาบันรับฝากสินทรัพย์ทางการเงิน และหน่วยงานที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการลงทุนในประเทศที่เข้าร่วม CRS จำต้องปฏิบัติตาม

การระบุถิ่นที่อยู่ทางภาษีจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ประเทศ/ดินแดน หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับถิ่นที่อยู่ทางภาษีของคุณ กรุณาติดต่อที่ปรึกษาภาษีของคุณหรือตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของ OECD ทาง https://www.oecd.org/tax/automatic-exchange/crs-implementation-and-assistance/tax-residency/ เนื่องจากธนาคารไม่สามารถให้คำปรึกษาด้านภาษีได้

หากคุณมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์การมีถิ่นที่อยู่ทางภาษีของประเทศ/ดินแดนที่คุณอยู่ คุณสามารถมีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีได้มากกว่าหนึ่ง และจำเป็นต้องแจ้งเลขประจำตัวผู้เสียภาษีทั้งหมดที่มีให้กับธนาคารอย่างครบถ้วนตามข้อกำหนดของ CRS

FATCA และ CRS เป็นกฎหมายคนละฉบับและมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน

FATCA คือกฎหมายของสหรัฐอเมริกาที่กำหนดให้สถาบันการเงินพิสูจน์ทราบและรายงานข้อมูลของบุคคลอเมริกันให้สอดคล้องกับข้อบังคับของ FATCA ส่วน CRS กำหนดให้สถาบันการเงินระบุถิ่นที่อยู่ทางภาษีของลูกค้าทุกคน และรายงานข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีประเทศอื่นๆ

คุณจะต้องแจ้งเหตุผลของการไม่มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษี และส่งเอกสารสนับสนุนเหตุผลดังกล่าวให้กับธนาคาร โปรดตรวจสอบรายละเอียดจากเว็บไซต์ของ OECD เกี่ยวกับเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของเขตอำนาจดังกล่าว ทาง http://www.oecd.org/tax/automatic-exchange/crs-implementation-and-assistance/tax-identification-numbers/#d.en.347759 และขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาภาษีของคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้

แบบฟอร์มรับรองตนเองตาม CRS จะยังคงมีผลสมบูรณ์จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในพฤติการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อสถานะถิ่นที่อยู่ทางภาษีของคุณหรือทำให้ข้อมูลใดที่ให้ไว้ในแบบฟอร์มตกเป็นโมฆะ

ไม่ หากคุณเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีของประเทศอื่นนอกเหนือจากประเทศไทย ธนาคารจำต้องรายงานข้อมูลของคุณต่อกรมสรรพากรซึ่งจะส่งข้อมูลของคุณต่อไปยังประเทศที่คุณเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษี ทุกประเทศที่เข้าร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าวต่างมีมาตรฐานการเก็บรักษาความลับของข้อมูลที่แลกเปลี่ยนและป้องกันการใช้โดยไม่มีอำนาจใดๆ

หากมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่ได้เคยให้ไว้กับธนาคาร คุณจำเป็นต้องแจ้งให้ธนาคารทราบโดยเร็ว และให้การรับรองถิ่นที่อยู่ทางภาษีของคุณแก่ธนาคารภายใน 30 วันนับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลง

ใช่ ธนาคารจะยังคงเก็บรวบรวมสถานะถิ่นที่อยู่ทางภาษีของคุณ และจะมีการรายงานข้อมูลของคุณต่อกรมสรรพากร ตามที่กรมสรรพากรร้องขอ