ยูโอบี ฟินแล็บ (UOB FinLab) หน่วยงานส่งเสริมนวัตกรรมของธนาคารยูโอบี ได้มอบเงินทุนสนับสนุนมูลค่ารวมกว่า 2.7 ล้านบาท (100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์) ให้แก่บริษัทด้านเทคโนโลยีสีเขียว หรือกรีนเทค (GreenTech) ที่ได้รับการคัดเลือก เพื่อนำร่องโซลูชันด้านความยั่งยืน 15 โครงการร่วมกับยูโอบีและองค์กรพันธมิตรต่างๆ ทั่วภูมิภาคอาเซียน โดยมีบริษัทกรีนเทคของไทย 5 บริษัทได้รับคัดเลือกและรับเงินทุนสนับสนุนเพื่อนำร่อง 6 โซลูชันสำหรับยูโอบี ประเทศไทย และหน่วยงานพันธมิตร โดยบริษัทและโครงการที่ได้รับคัดเลือกทั้งหมดได้รับการเปิดตัวที่งาน GreenTech Accelerator 2024 Showcase Day ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Insights Forum ของ Singapore FinTech Festival
โครงการ GreenTech Accelerator 2024 เป็นโครงการระดับภูมิภาคครั้งที่ 2 ของยูโอบี ฟินแล็บ จัดขึ้นเป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้บริษัทกรีนเทคในอาเซียนสามารถขยายกิจการให้เติบโตและดำเนินการปรับเปลี่ยนองค์กร สร้างความร่วมมือกับพันธมิตร และสร้างโครงการนำร่องเพื่อรับมือกับปัญหา ท้าทายด้านความยั่งยืนทั่วทั้งภูมิภาค โครงการนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเร่งการพัฒนาโซลูชันเทคโนโลยีที่ยั่งยืนในสิงคโปร์และประเทศต่างๆ ในอาเซียน สำหรับปีนี้บริษัทกรีนเทคจำนวน 33 แห่งผ่านการคัดเลือกจากผู้สมัครกว่า 350 รายเพื่อเข้าร่วมโครงการ โดย 12 บริษัทมาจากสิงคโปร์, 9 บริษัทมาจากมาเลเซีย และ 12 บริษัทมาจากประเทศไทย
นายบัลลังก์ ว่องธวัชชัย Head of Digital Engagement and FinTech Innovation ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “โครงการ GreenTech Accelerator 2024 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของธนาคารในการสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืน โดยอาศัยการดำเนินงาน เครือข่ายบุคลากรที่ทำงานร่วมกันเพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนากรีนเทคที่สร้างผลกระทบเชิงบวกมากขึ้น และยูโอบี ฟินแล็บ จะยังคงทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมกรีนเทค โดยประสานงานให้บุคลากร องค์กรธุรกิจ หน่วยงานภาครัฐ และบริษัทกรีนเทคมารวมตัวกันเพื่อแก้ไขปัญหาท้าทายด้านความยั่งยืนที่เกิดขึ้นจริง เราเชื่อว่าด้วยการสนับสนุนที่เหมาะสมจากเครือข่ายที่แข็งแกร่งและทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง บริษัทกรีนเทคจะสามารถสร้างความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของอาเซียน”
ปัญหาท้าทายที่แท้จริง โซลูชันที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม
จากผลสำรวจ Business Outlook Study 2024 (เอสเอ็มอี & องค์กรขนาดใหญ่) ของยูโอบี พบว่าองค์กรธุรกิจในอาเซียนร้อยละ 87 มองว่าความยั่งยืนมีความสำคัญต่อธุรกิจของตน แต่มีเพียงร้อยละ 44 เท่านั้นที่ปรับใช้แนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ในการปรับใช้แนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืน ประมาณ 1 ใน 3 ระบุว่า จำเป็นต้องมีการสนับสนุนเพื่อเชื่อมโยงกับพันธมิตรด้านโซลูชันที่เหมาะสม
เพื่อตอบสนองต่อความต้องการนี้ โครงการ GreenTech Accelerator 2024 จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาท้าทายด้านความยั่งยืนจากธุรกิจต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงทั่วอาเซียน สำหรับในปีนี้ยูโอบีและองค์กรพันธมิตร 26 ราย รวมถึงศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี, สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ภิวัฒน์ และคิงด้อม ออร์แกนิค เนทเวิร์ค (Kingdom Organic Network) จากประเทศไทยจากประเทศไทย, DKSH Healthcare และ Ngee Ann Polytechnic จากสิงคโปร์ และ Great Cosmo จากมาเลเซียได้จัดส่งข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาท้าทายมากกว่า 50 รายการ โดยครอบคลุม 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ เศรษฐกิจหมุนเวียนและการจัดการขยะ การประหยัดพลังงาน อาหารและเกษตรกรรม เมืองที่ยั่งยืนและการวางผังเมือง การรายงานเกี่ยวกับความยั่งยืนและการจัดการคาร์บอน
ในระหว่างการดำเนินโครงการ บริษัทกรีนเทค 33 แห่งที่เข้าร่วมโครงการได้เสนอโซลูชันโดยอ้างอิงจากข้อมูลเรื่องปัญหาท้าทาย และมีโครงการนำร่อง 15 โครงการได้รับเลือกให้รับทุนสนับสนุนจากยูโอบี ฟินแล็บ ทั้งนี้ 6 โครงการนำร่องจากทั้งหมดจะถูกดำเนินการร่วมกับองค์กรพันธมิตรในประเทศไทย ส่วนที่เหลือ 3 โครงการจะดำเนินการในมาเลเซีย และอีก 6 โครงการในสิงคโปร์
นอกจากนี้ ยูโอบีจะดำเนินโครงการนำร่อง 5 โครงการภายในธนาคารยูโอบีในประเทศไทยและสิงคโปร์ โดยหนึ่งในโครงการนำร่องที่จะดำเนินการที่อาคารยูโอบี พลาซา กรุงเทพ (UOB Plaza Bangkok) คือ เทคโนโลยีของ AltoTech Global สำหรับการวิเคราะห์รูปแบบการใช้พลังงาน ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารฯ สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี จะร่วมมือกับ บริษัท GEPP Sa-Ard ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีสีเขียว เพื่อนำร่องโครงการลดปริมาณขยะแบบบูรณาการสำหรับอีเวนต์ต่างๆ ที่จัดขึ้นในศูนย์การแสดงสินค้า โครงการนำร่องนี้จะช่วยให้อิมแพ็ค เมืองทองธานี ผู้จัดงาน และผู้เข้าร่วมงานสามารถลดปริมาณขยะ เพิ่มอัตราการรีไซเคิล และลดค่าใช้จ่ายโดยรวมในการจัดการขยะ นอกจากนั้น ร่วมมือกับ CERO ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทกรีนเทคที่ได้รับการคัดเลือก นำเสนอ Immersive Sustainability Solution ในการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากการจัดงานอีเว้นท์และการเข้าร่วมอีเว้นท์แบบ Realtime นอกจากนั้น CERO จะร่วมมือกับสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ จัดการแข่งขัน Carbon League ครั้งแรกของประเทศไทยเพื่อสนับสนุนการทำกิจกรรมด้านความยั่งยืนต่าง ๆ เช่น การรีไซเคิล การลดขยะ การเลือกอาหารที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ และการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนสนุกกับการตรวจสอบติดตามและลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของตนเองได้ด้วยพฤติกรรมง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน ส่งเสริมค่านิยมคาร์บอนต่ำในกลุ่มคนรุ่นใหม่
ยูโอบี ฟินแล็บ ภายใต้ความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตร ได้คัดเลือกบริษัทกรีนเทคและโซลูชันนำร่องที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ด้วยเหตุผลที่ว่าโซลูชันเหล่านี้มีศักยภาพเพียงพอที่จะกำหนดมาตรฐานใหม่เกี่ยวกับแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรม พร้อมทั้งผลักดันการปรับใช้เทคโนโลยีสีเขียวอย่างแพร่หลายทั่วภูมิภาคอาเซียน
โครงการเพิ่มเติมสำหรับการขับเคลื่อนความยั่งยืนในอาเซียน
โครงการ GreenTech Accelerator 2024 ต่อยอดความสำเร็จจากโครงการแรกในปี 2022 ที่สิงคโปร์ ซึ่งมีผู้สมัครเข้าร่วมมากกว่า 150 ราย และนำไปสู่การจัดตั้งโซลูชันนำร่องและโครงการความร่วมมือ 8 รายการ สำหรับโครงการในปีนี้ มีการขยายขอบเขตของโครงการให้กว้างไกลออกไปนอกสิงคโปร์ โดยครอบคลุมตลาดหลักของยูโอบีในอาเซียนอย่างเช่นมาเลเซียและไทย
โครงการนี้เปิดโอกาสให้บริษัทกรีนเทคได้เข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรมาสเตอร์คลาสภายใต้การดูแลของผู้ฝึกสอนระดับภูมิภาคกว่า 30 คน รวมไปถึงโอกาสในการสร้างเครือข่าย และโครงการดังกล่าวยังช่วยให้บริษัทกรีนเทคกระชับความสัมพันธ์ทางธุรกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นผ่านเครือข่ายที่กว้างขวางของยูโอบี ฟินแล็บ ซึ่งประกอบด้วยผู้นำด้านอุตสาหกรรมกว่า 27,000 ราย รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ผู้ให้บริการโซลูชัน ธุรกิจเอกชนและรัฐวิสาหกิจ
ยูโอบี ฟินแล็บ มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านความยั่งยืนในอาเซียน โดยมีแผนจะเปิดตัวโครงการอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งมุ่งเน้นการผลักดันการประยุกต์ใช้งานและการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านความยั่งยืนในปี 2025
รายชื่อ 15 โครงการนำร่องในโครงการ GreenTech Accelerator 2024
ลำดับที่ | โครงการนำร่อง / พันธมิตร |
ประเทศ | รายละเอียด |
1 | อัลโต้เทค โกลบอล ยูโอบี ประเทศไทย |
ประเทศไทย | อัลโต้เทค โกลบอล จะจัดหาเทคโนโลยีเพื่อช่วยวิเคราะห์รูปแบบการใช้พลังงานที่สำนักยูโอบี พลาซา กรุงเทพ ค้นหาจุดที่สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และเสนอคำแนะนำในการทำงานเชิงอัตโนมัติเพื่อช่วยลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก |
2 | นาโน โค๊ตติ้ง เทค ยูโอบี ประเทศไทย |
ประเทศไทย | UOB CRES จะนำโซลูชันของบริษัทนาโน โค๊ตติ้ง เทค มาใช้กับแผงโซลาร์เซลล์ 116 แผง และกระจกอาคาร 1,745 ตารางเมตรที่สำนักยูโอบี พลาซา กรุงเทพ รวมถึงชั้น 1 ของอาคารและสะพานเชื่อม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา |
3 | CERO ศูนย์แสดงสินค้า และการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี |
ประเทศไทย | อิมแพ็ค เมืองทองธานี จะนำ Carbon Event Smart Dashboard ของบริษัท CERO มาทดลองใช้เพื่อติดตามข้อมูลเกี่ยวกับก๊าซเรือนกระจกและดูเมตริก ความยั่งยืนในเวลาจริง สำหรับงานที่จัดขึ้นที่ อิมแพ็ค อารีนา (IMPACT Arena) ที่ได้รับคัดเลือกแพลตฟอร์ม CERO จะส่งเสริมพฤติกรรมที่ยั่งยืนในหมู่ผู้เข้าร่วมงานและสอดคล้องกับความพยายามด้านความยั่งยืนที่กำลังดำเนินอยู่ของ อิมแพ็ค เมืองทองธานี |
4 | CERO สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ |
ประเทศไทย | สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ต้องการเปลี่ยนความพยายามด้านความยั่งยืนเป็นเกม โดยให้นักเรียนติดตามและลดคาร์บอนฟุ๊ตพริทน์ของตนเองผ่านกิจกรรมต่าง ที่ออกแบบมาเพื่อส่งผลต่อพฤติกรรมประจำวันที่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก โครงการนำร่องนี้มุ่งเป้าที่นักเรียนของสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์จำนวน 200 คนที่จะเข้าร่วมกิจกรรมด้านความยั่งยืนที่หลากหลายเป็นระยะเวลา 3 เดือนผ่านแพลตฟอร์ม CERO ประกอบด้วยการรีไซเคิล การลดขยะ การเลือกอาหารที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ และการประหยัดพลังงาน |
5 | GEPP Sa-Ard (เก็บ สะอาด) ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี |
ประเทศไทย | GEPP Sa-Ard (เก็บ สะอาด) จะนำระบบและบริการการจัดการขยะที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลแบบครบวงจรมาดำเนินการ เพื่อให้การเก็บข้อมูลขยะตามจุดต่างๆ ในงานที่จัดขึ้นที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น |
6 | Wongphai (วงศ์ไผ่) บริษัท คิงด้อม ออร์แกนิค เนทเวิร์ค |
ประเทศไทย | วงศ์ไผ่จะจัดหาไม้ไบโอชาร์จำนวน 4 ตันให้กับบริษัท คิงด้อม ออแกนิค เนทเวิร์ค เพื่อนำไปใช้ในฟาร์มออร์แกนิก เพื่อเพิ่มผลผลิตของฟาร์มและสอดคล้องกับมาตรฐาน EU, USDA Organic (โดยเฉพาะในการผลิตมะกรูด ตะไคร้ และมะนาว) การเพิ่มผลผลิตพืชและผลผลิตฟาร์มที่คาดว่าจะได้จากการใช้ไม้ไบโอชาร์มีดังนี้: 1) มะกรูด: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10-20 2) ตะไคร้: มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นร้อยละ 15-25 3) มะนาว: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10-20 |
7 | Circular Unite ยูโอบี |
สิงคโปร์ | Circular Unite จะนำแผนการตรวจสอบและจัดประเภทขยะมาใช้ที่ยูโอบี ซึ่งจะช่วยวัดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นในระดับผู้เช่าที่สำนักยูโอบี พลาซา ได้อย่างละเอียด โครงการนี้จะช่วยให้การวัดข้อมูลขยะมีความแม่นยำและปรับปรุงประสิทธิภาพการเก็บข้อมูลขยะได้ |
8 | GreenFi ยูโอบี |
สิงคโปร์ | GreenFi กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูล ESG แบบ White-labelled ซึ่งจะช่วยให้ยูโอบีและบริษัทในเครือติดตามและจัดการข้อมูลการปล่อยก๊าซ ESG ของสินทรัพย์ได้ นอกจากนี้ยังมุ่งหวังที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลอีกด้วย |
9 | Smart Tradzt ยูโอบี |
สิงคโปร์ | Smart Tradzt จะจัดฝึกอบรม ให้คำปรึกษา และพัฒนาโมเดลการประเมิน RFP สำหรับการจัดซื้อภายในทีม UOB CRES เพื่อช่วยประเมินและรวมประสิทธิภาพด้าน ESG และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเวนเดอร์เข้ากับเกณฑ์การคัดเลือกในระยะยาว โครงการนำร่องนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการตัดสินใจเลือกซัพพลายเออร์ที่ดียิ่งขึ้น |
10 | Smart Tradzt ยูโอบี |
สิงคโปร์ | Smart Tradzt จะจัดฝึกอบรม ให้คำปรึกษา และนำโซลูชัน Product Carbon Footprint (PCF) ในรูปแบบดิจิทัลมาใช้เพื่อคำนวณคาร์บอนฟุ๊ตพรินท์ของบรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ของ DKSH Healthcare ซึ่งจะใช้แทนบรรจุภัณฑ์โฟมกันกระแทก แพลตฟอร์ม PCF ของ Smart Tradzt ช่วยให้ DKSH Healthcare แชร์ข้อมูล PCF กับลูกค้าบรรจุภัณฑ์ และช่วยให้การคำนวณการปล่อยก๊าซในขอบเขตที่ 3 เป็นไปอย่างง่ายดายและแม่นยำ นอกจากนี้ DKSH Healthcare ยังมีแผนที่จะเผยแพร่ผลการศึกษาในรายงานความยั่งยืนของบริษัท เพื่อยกระดับความโปร่งใสและความรับผิดชอบอีกด้วย Smart Tradzt ปฏิบัติตามกรอบการทำงาน PACT (Partnership for Carbon Transparency) ของสภาธุรกิจโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (WBCSD) |
11 | Circular Unite Ngee Ann Polytechnic |
สิงคโปร์ | Circular Unite จะนำระบบ IoT ติดตามขยะมาใช้เพื่อยกระดับการเก็บข้อมูลขยะและการรีไซเคิลที่แม่นยำในระดับผู้เช่าสำหรับโรงอาหารหนึ่งแห่งและอาคารสำนักงานหนึ่งแห่ง รวมถึงการฝึกอบรมทีมปฏิบัติการและการมีส่วนร่วมของผู้เช่า โครงการนี้จะช่วยเพิ่มความชัดเจนในข้อมูลขยะ ปรับปรุงประสิทธิภาพการรีไซเคิลขึ้นร้อยละ 30 เพิ่มประสิทธิภาพการกำจัดขยะขึ้นร้อยละ 20 และเพิ่มประสิทธิภาพแรงงานจากการเก็บข้อมูลขึ้นร้อยละ 90 |
12 | Co.Efficient Alpha Great Cosmo |
มาเลเซีย | Co.Efficient Alpha มุ่งหวังที่จะติดตั้งระบบเพิ่มประสิทธิภาพแรงดันไฟฟ้าที่โรงงานของ Great Cosmo เพื่อลดการใช้พลังงาน ซึ่งจะส่งผลให้การทำงานของอุปกรณ์มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อายุการใช้งานของอุปกรณ์ยาวนานขึ้น ตลอดจนปรับปรุงกำลังไฟฟ้าจริงและลดฮาร์มอนิก เมื่อติดตั้งระบบเพิ่มประสิทธิภาพแรงดันไฟฟ้าแล้ว คาดว่าบริษัท Great Cosmo จะลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณร้อยละ 10 และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 13 ตันต่อเดือน |
13 | Intlife HCK Capital Group |
มาเลเซีย | Intlife จะนำระบบ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ฮาร์ดแวร์ และอุปกรณ์ IoT มาใช้ในสำนักงานของ HCK Setia Alam (พื้นที่ 2,800 ตารางฟุต) เพื่อช่วยคาดการณ์และควบคุมการใช้พลังงานในเวลาจริงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โครงการนำร่องนี้ยังจะเป็นการสาธิตให้ลูกค้าเป้าหมายที่มาเยี่ยมชมโชว์รูมได้ชมจริง เพื่อส่งเสริมการนำเทคโนโลยีสีเขียวไปใช้ในสินทรัพย์ของตน |
14 | IVIS Tech Great Cosmo |
มาเลเซีย | IVIS Tech จะนำอุปกรณ์ที่ประกอบด้วยเซนเซอร์ IoT, มิเตอร์ไฟฟ้า และเกตเวย์ดิจิทัล มาใช้กับสายการผลิตของบริษัท Great Cosmo ที่โรงงานในเมืองราวัง IVIS Tech จะบันทึกข้อมูลการดำเนินงานในโรงงานเป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อแสดงผลการใช้พลังงานในเวลาจริง ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจถึงกระบวนการในปัจจุบันที่สามารถนำไปปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นได้ |
15 | Wimera GB Industries |
มาเลเซีย | GB Industries ต้องการติดตามการใช้พลังงานในพื้นที่ต่างๆ เช่น พื้นที่เครื่องทำน้ำอุ่น พื้นที่การจุ่ม พื้นที่บรรจุภัณฑ์ และพื้นที่การบำบัดน้ำ บริษัท Wimera จึงเสนอวิธีการติดตามพลังงานบนคลาวด์สำหรับเครื่องทำน้ำอุ่น 1 เครื่องพร้อมมิเตอร์ไฟฟ้า 1 เครื่องสำหรับโครงการนำร่องนี้ โครงการนี้จะนำไปสู่การลดการใช้พลังงานในพื้นที่เครื่องทำน้ำอุ่นของ GB Industries ที่ปัจจุบันมีเครื่องทำน้ำอุ่น 15 เครื่องและใช้พลังงานประมาณ 80,000 kWh ต่อเดือน |
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
สายงานบริหารสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร
ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน)
นิดา ภู่วนิชย์ โทร . 0-2343-4963