ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เดินหน้าสู่ความยั่งยืนผ่านแนวคิด ธนาคารพลังงานสะอาด ‘Green Branch’

เพื่อสอดรับกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ได้ริเริ่มโครงการธนาคารพลังงานสะอาด ‘Green Branch’ ตั้งแต่ปี 2561 โดยมุ่งเน้นการดูแลสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านสาขาทั้ง 140 แห่งทั่วประเทศ

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ขับเคลื่อนแนวทางสู่ความยั่งยืนในสี่ด้านหลัก ดังนี้:

1. การใช้พลังงานสะอาดและการอนุรักษ์พลังงาน (Green energy)

ธนาคารส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน โดยได้ติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar cell) ในสาขาจำนวน 24 แห่ง ครอบคลุม 13 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อช่วยลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานจากฟอสซิล ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมลพิษทางอากาศและก๊าซเรือนกระจก โครงการนี้จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากสาขาในโครงการลง 16% หรือลดการปล่อยประมาณ 130,000 กิโลกรัมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 8,700 ต้นต่อปี

นอกจากนี้ธนาคารยังดำเนินการเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้าหลักที่สาขา อย่างเช่น เครื่องปรับอากาศเพื่อเป็นระบบ Inverter สามารถลดการใช้พลังงานลงได้ 20% และหลอดไฟ LED ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ทั่วไป ช่วยลดการใช้พลังงานลงได้ 30–50% ตลอดอายุการใช้งาน และลดทั้งค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ​

2. การเปลี่ยนผ่านสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (Transition to electric vehicles)

ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการขนส่ง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ได้ดำเนินการโครงการเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันในสาขาต่างๆ จำนวน 19 คัน เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 38,000 กิโลกรัมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่าต่อปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้เพื่อดูดซับก๊าซเรือนกระจกกว่า 2,500 ต้นต่อปี พร้อมทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายค่าน้ำมันได้ถึง 900,000 บาทต่อปี

3. การบริหารจัดการขยะ (Waste management)

ปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบันก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในหลายด้าน ทั้งปัญหาขยะพลาสติกในทะเลและการเพิ่มขึ้นของก๊าซมีเทนจากขยะอินทรีย์ที่ฝังกลบ​​

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการลดขยะตั้งแต่ต้นทาง โดยได้ติดตั้งจุดบริการเติมน้ำดื่มภายในสาขาทั้ง 111 สาขา เพื่อลดการใช้ขวดน้ำพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ซึ่งสามารถลดการใช้ขวดน้ำได้มากถึง 440,000 ขวดต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตขวดพลาสติกได้ถึง 55,000 กิโลกรัมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ได้มากกว่า 3,700 ต้นต่อปี

4. การลดการใช้ทรัพยากร (Resource reduction)

การลดการใช้ทรัพยากร โดยเฉพาะทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปอย่างกระดาษและน้ำ เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ให้ความสำคัญ ธนาคารได้ริเริ่มการเปลี่ยนผ่านจากการแจกแผ่นพับกระดาษมาเป็นการให้ข้อมูลผ่านแผ่นพับดิจิทัล (e-Leaflet) โดยติดตั้งชั้นวางแผ่นพับพิเศษ (Digital-enabled leaflet Box) ที่ออกแบบมาให้รองรับการสแกน QR code เพื่อลดการใช้กระดาษ ทั้งยังเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตชั้นวางดังกล่าวอีกด้วย ตามแผนดำเนินการ (Roadmap) ธนาคารได้ดำเนินการเปลี่ยนแผ่นพับบางส่วนเป็นแผ่นพับดิจิทัล ตั้งแต่ปี 2567 ซึ่งสามารถลดการผลิตแผ่นพับกระดาษได้ถึง 360,000 แผ่นต่อปี ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตกระดาษได้ถึง 3,700 กิโลกรัมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้มากกว่า 250 ต้นต่อปี​

ธนาคารเลือกใช้กระดาษที่ได้รับการรับรองจาก Forest Stewardship Council (FSC) ซึ่งผลิตจากไม้ในพื้นที่ป่าธรรมชาติหรือป่าปลูกที่บริหารจัดการอย่างยั่งยืน ช่วยลดผลกระทบต่อระบบนิเวศและชุมชนโดยรอบ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกขั้นตอนการผลิต​

​นอกจากนี้ ธนาคารยังดำเนินมาตรการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า โดยการให้ความรู้กับพนักงานเกี่ยวกับการประหยัดน้ำในชีวิตประจำวัน และการปรับปรุงระบบสุขาภิบาลภายในสาขา โดยเปลี่ยนไปใช้เครื่องสุขภัณฑ์ที่ประหยัดน้ำ เพื่อช่วยลดการใช้น้ำได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพอย่างเป็นรูปธรรม​

มุ่งมั่นเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน​
ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย จะยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนโครงการด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับคนรุ่นต่อไป เพราะเราเชื่อว่า “ความยั่งยืนไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นเส้นทางของอนาคต”

#SustainableFutureWithUOB