You are now reading:
รับมือกับภัยธรรมชาติ ด้วยการทำประกันภัยธุรกิจและร้านค้า SME
คุณกำลังอยู่ที่ ลูกค้าองค์กร
You are now reading:
รับมือกับภัยธรรมชาติ ด้วยการทำประกันภัยธุรกิจและร้านค้า SME
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปี 2568 ทำให้ทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจตระหนักถึงความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติมากขึ้น สำหรับธุรกิจ SME ภัยธรรมชาติหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ภัยน้ำท่วม อัคคีภัย แผ่นดินไหว หรือการถูกโจรกรรมอาจส่งผลให้การดำเนินธุรกิจต้องหยุดชะงัก แม้ว่าภัยธรรมชาติจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่ผู้ประกอบการสามารถวางแผนรับมือเพื่อลดความเสี่ยงและลดผลกระทบด้านการเงินของธุรกิจได้ล่วงหน้าด้วยแนวทางต่างๆ จากบทความนี้
แผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ หรือ Business Continuity Plan (BCP) คือ แผนกลยุทธ์ที่ระบุขั้นตอนและแนวทางการป้องกันธุรกิจจากความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติหรือภัยคุกคามอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกิจจะสามารถกลับมาดำเนินการต่อและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
เป็นขั้นตอนในการระบุว่าอะไรคือความเสี่ยงที่มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ แผ่นดินไหว หรือระบบปฏิบัติการล่ม รวมถึงประเมินโอกาสในการเกิด ระดับความรุนแรงของผลกระทบ กำหนดเงื่อนเวลา (Recovery Time Objective: RTO) และปริมาณความเสียหายที่ธุรกิจสามารถยอมรับได้ในช่วงเวลาหนึ่ง (Recovery Point Objective: RPO)
เมื่อระบุความเสี่ยงและผลกระทบทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นแล้ว ธุรกิจจำเป็นจะต้องกำหนดแผนรับมือหรือขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อมีความเสี่ยงเกิดขึ้นด้วย เช่น จัดเตรียมระบบสำรองข้อมูล สร้างช่องทางการขายออนไลน์เพิ่มเติม เตรียมข้อมูลสำหรับจ้างพนักงานสำรอง หรือกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติสำหรับพนักงานเมื่อต้องทำงานจากที่บ้าน เป็นต้น
ขั้นตอนสำคัญอีกขั้นตอนหนึ่งในการทำ BCP คือ การจัดเตรียมข้อความและช่องทางการติดต่อพนักงาน ลูกค้า รวมถึงซัพพลายเออร์ (Supplier) ไว้ใช้ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ทราบปัญหาและแนวทางการปฏิบัติที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อจัดทำแผนงานต่างๆ แล้ว ธุรกิจควรจะต้องดำเนินการทดสอบแผนอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อทบทวนและปรับปรุงแผนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจ เช่น การจำลองเหตุการณ์ระบบปฏิบัติการล่ม หรือ การซ้อมรับมือเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ เป็นต้น
เมื่อภัยธรรมชาติและเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ มักจะเกิดขึ้นโดยไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า การทำประกันภัยให้กับธุรกิจ SME จึงถือได้ว่ามีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็นตัวช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินและช่วยให้ธุรกิจสามารถฟื้นตัวจากผลกระทบต่างๆ ได้เร็วขึ้น
เมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ประกันภัยธุรกิจและร้านค้าให้ความคุ้มครองความสูญเสียหรือเสียหายต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัยหรือชดเชยการสูญเสียรายได้จากการหยุดกิจการชั่วคราวตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เงินสินไหมทดแทนที่ได้รับชดเชยจากบริษัทประกันจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูกิจการ เช่น การซ่อมแซมอาคาร การเช่าเครื่องจักรชั่วคราว การย้ายสถานที่ทำการชั่วคราว และค่าใช้จ่ายในการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือช่วยลดภาระหนี้ในกรณีที่ต้องกู้ยืมเงินเพื่อนำมาใช้ในการฟื้นฟูกิจการได้
การทำประกันภัยธุรกิจและร้านค้า นอกจากจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจว่าจะสามารถช่วยลดผลกระทบทางการเงินของธุรกิจเมื่อเกิดภัยพิบัติหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ ได้แล้ว ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้า ผู้ลงทุน และลูกค้าด้วย เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ชี้ให้เห็นว่าธุรกิจมีการวางแผนและบริหารความเสี่ยงอย่างมืออาชีพ ธุรกิจสามารถฟื้นฟูให้กลับมาดำเนินการต่อได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจควรประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจในหลายๆ ด้านตามขั้นตอนการทำแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) ก่อน
ปัจจุบันมีผู้ให้บริการที่นำเสนอแผนประกันภัยธุรกิจและร้านค้าที่หลากหลาย ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจควรพิจารณาเบี้ยประกันและความคุ้มครองของแผนประกันภัยจากหลายๆ แหล่ง เพื่อเปรียบเทียบว่าแผนประกันภัยใดสามารถคุ้มครองความเสี่ยงของธุรกิจตามแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) ได้มากที่สุดในงบประมาณที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังควรศึกษาเงื่อนไขและข้อยกเว้นของแผนประกันภัยที่เลือกอย่างละเอียดเพื่อป้องกันปัญหาที่บริษัทประกันภัยอาจปฏิเสธการชดเชยค่าสินไหมทดแทนในอนาคตได้
ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจควรเลือกแผนประกันภัยธุรกิจและร้านค้าที่นำเสนอขายโดยบริษัทประกันวินาศภัยที่ถูกกำกับดูแลโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้ถือกรมธรรม์ตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังควรพิจารณาเลือกบริษัทประกันวินาศภัยที่มีชื่อเสียงในด้านการบริการหลังการขาย และมีตัวแทน/นายหน้าที่ให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ
UOB SME Smart Choice ประกันภัยสำหรับร้านค้าและธุรกิจ SME ประกันวินาศภัยที่ช่วยลดผลกระทบทางการเงินเมื่อธุรกิจได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันต่างๆ เช่น พายุ น้ำท่วมและภัยจากน้ำอื่นๆ ไฟไหม้ แผ่นดินไหว รวมถึงการถูกโจรกรรม คุ้มครองความเสียหายสูงสุด 10 ล้านบาท มีความยืดหยุ่น สามารถเลือกซื้อความคุ้มครองเพิ่มขึ้นได้ตามความต้องการ ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง รับประกันโดย บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะเป็นผู้รับผิดชอบตามเงื่อนไข ความคุ้มครอง และสิทธิประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายหน้า ประกันภัย (ใบอนุญาตประกันวินาศภัยเลขที่ ว00020/2546) ทำหน้าที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านประกันภัยและเป็น ผู้จัดการให้บุคคลเข้าทำสัญญาประกันภัยและอำนวยความสะดวกในการรับชำระเบี้ยประกันเท่านั้น แนวทางการรับมือกับความเสี่ยงที่เกิดจากภัยธรรมชาติและเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า ด้วยการจัดทำแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ หรือ Business Continuity Plan (BCP) และการทำประภัยภัยธุรกิจและร้านค้า นอกจากจะช่วยลดความเสียหายและผลกระทบทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจในอนาคตแล้ว ยังช่วยให้ธุรกิจฟื้นฟูและสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเพิ่มความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้า ผู้ลงทุน และลูกค้าในระยะยาว
ข้อมูลอ้างอิง